นับถอยหลังการหยุดอัพเดทระบบปฏิบัติการ Windows® XP ที่มีอายุนานถึง 11 ปี เริ่มแล้ววันนี้

คอมพิวเตอร์กว่า 7.2 ล้านเครื่องในประเทศไทย กำลังตกอยู่ในความเสี่ยง

 นับถอยหลังการหยุดอัพเดทระบบปฏิบัติการ Windows® XP

ที่มีอายุนานถึง 11 ปี เริ่มแล้ววันนี้

ผู้เชี่ยวชาญเตือนองค์กรธุรกิจและผู้บริโภคควรเตรียมอัพเกรดจากWindows XP ได้แล้ว

ก่อนถึงเดือนเมษายน ปี 2557

 

 

10 เมษายน 2556—วันนี้ ไมโครซอฟท์ ได้ประกาศแจ้งเตือนลูกค้าทั่วโลกถึงการหยุดปรับปรุงรุ่นและหยุดให้บริการสนับสนุน สำหรับระบบปฏิบัติการ Windows XP  นับตั้งแต่วันที่ 8 เมษายน 2557 เป็นต้นไป ซึ่งนับจากนี้ เหลือเวลาอีกไม่ถึง 1 ปี  โดยไมโครซอฟท์ได้แนะนำให้ลูกค้าองค์กรธุรกิจทั้งขนาดเล็กและขนาดกลาง รวมถึงผู้บริโภคที่ยังใช้งานระบบปฏิบัติการ Windows XP  อยู่ ซึ่งมีอายุถึง 11 ปี แล้ว ให้อัพเกรดการใช้งานระบบปฏิบัติการ ได้แล้ว เพื่อหลีกเลี่ยงความเสี่ยงต่างๆ ที่อาจจะส่งผลกระทบต่อการดำเนินธุรกิจและก่อให้เกิดค่าใช้จ่ายเพิ่มเติมตามมา

 

ตั้งแต่วันที่ 8 เมษายน 2557 เป็นต้นไป ไมโครซอฟท์ จะหยุดให้บริการแก้ไขอัตโนมัติ ปรับปรุงรุ่นหรือให้ความช่วยเหลือออนไลน์สำหรับWindows XP ซึ่งหมายความว่า ผู้ใช้จะไม่ได้รับการสนับสนุนการปรับปรุงระบบความปลอดภัยที่จะช่วยป้องกันเครื่องคอมพิวเตอร์จากไวรัส สปายแวร์ และซอฟต์แวร์ที่เป็นอันตรายต่างๆ ที่สามารถเจาะเข้าระบบเพื่อขโมยข้อมูลส่วนตัวของผู้ใช้

 

การใช้งานระบบ Windows XP ต่อจากนี้  ก่อให้เกิดความเสี่ยง

นายรชฏ อิศรางกูร ณ อยุธยา ผู้จัดการกลุ่มผลิตภัณฑ์วินโดวส์ บริษัท ไมโครซอฟท์ (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวว่า “ถึงแม้ว่า Windows XP จะเป็นหนึ่งในระบบปฏิบัติการที่ได้รับความนิยมสูงสุดของไมโครซอฟท์ แต่ระบบดังกล่าวไม่ได้ออกแบบมาเพื่อรับมือกับความท้าทายในปัจจุบัน เช่น การเพิ่มขึ้นของภัยคุกคามทางไซเบอร์และความต้องการสำหรับความเป็นส่วนตัวในการเก็บรักษาข้อมูล ซึ่งแตกต่างจาก Windows® 7 และWindows® 8  การใช้งานระบบ Windows XP ต่อไปนี้เปรียบเสมือนกับเรากำลังเดินข้ามถนนโดยที่ตาทั้งสองข้างของเราปิดอยู่  ปัจจุบันนี้ ความเสี่ยงในด้านความปลอดภัยเป็นสิ่งที่น่ากังวลและน่ากลัวมากที่สุดสำหรับผู้บริโภค เนื่องจากการโจมตีนั้นมีหลากหลายรูปแบบและมีความซับซ้อน ซึ่งสามารถส่งผลกระทบต่อความปลอดภัยของข้อมูลส่วนตัว อีกทั้งค่าใช้จ่ายแฝงที่เกี่ยวเนื่องกับการสนับสนุนและความต่อเนื่องของธุรกิจ”

 

เมื่อเดือนมีนาคมที่ผ่านมา จากสถิติของ StatCounter พบว่า คอมพิวเตอร์ที่ใช้ระบบปฏิบัติการ Windows XP คิดเป็นร้อยละ  36.56  ในประเทศไทย หรือประมาณกว่า 7.2 ล้านเครื่อง ซึ่งมีจำนวนลดลงภายหลังไมโครซอฟท์เปิดตัว Windows 7 ในเดือนตุลาคม 2552  แต่เมื่อเปรียบเทียบกับประเทศในภูมิภาคเอเชียแล้วยังนับเป็นจำนวนที่สูงอยู่  เมื่อเทียบกับค่าเฉลี่ยของเอเชียซึ่งมีเพียงร้อยละ 34 นอกจากนี้ StatCounter ยังเผยข้อมูลเพิ่มเติมว่า ในประเทศไทยมีคอมพิวเตอร์ที่อัพเกรดเป็นระบบปฏิบัติการWindows 7 แล้ว  จำนวนร้อยละ 50 และในระยะเวลาสองเดือนที่ผ่านมา ก็มีการอัพเกรดเป็นระบบปฏิบัติการ Windows 8 อีกด้วย

 

นักวิเคราะห์ต่างเห็นพ้องต้องกันว่า ถึงเวลาแล้วที่ผู้บริโภคควรย้ายและเปลี่ยนรุ่นจากระบบปฏิบัติการที่มีอายุมากกว่าทศวรรษ  “Windows XPเป็นแพลตฟอร์มหลักที่ทั้งผู้บริโภคและองค์กรธุรกิจต่างใช้งานมาหลายปีแล้ว”  นายไบรอัน มา รองประธาน Client Devices Research ไอดีซี ประจำภูมิภาคเอเชีย-แปซิฟิก กล่าว “การหยุดให้บริการสนับสนุนต่างๆ สำหรับ Windows XP ก็ใกล้เข้ามาทุกที เพราะฉะนั้น การเตรียมตัวแต่เนิ่นๆ เพื่อที่จะอัพเกรดไปใช้ระบบปฏิบัติการรุ่นใหม่ จึงเป็นสิ่งสำคัญมาก เพื่อที่ผู้ใช้จะมั่นใจได้ว่าพวกเขาสามารถใช้งานระบบคอมพิวเตอร์ได้อย่างเต็มประสิทธิภาพ” นายไบรอัน กล่าวเพิ่มเติม

 

ลูกค้าเริ่มย้ายออกจากระบบปฏิบัติการ Windows XP เพื่อเพิ่มความปลอดภัย

จากรายงาน Microsoft’s Security Intelligence ฉบับที่ 13 ตีพิมพ์ในเดือน มิถุนายน 2555 ให้ข้อมูลว่า Windows XP รุ่น SP3 มีระบบป้องกันที่ด้อยกว่า Windows 7 SP1 ถึง 3 เท่าตัว  มัลแวร์ ได้กลายเป็นภัยคุกคามที่รุนแรงในช่วงทศวรรษที่ผ่านมา ซึ่งพัฒนาเพิ่มขึ้นจาก 1,000 ชนิดในปี 1991 ไปสู่นับล้านชนิด ในปี 2012   โดยภัยคุกคามคอมพิวเตอร์เหล่านี้รวมถึง ไวรัส, เวิร์ม, โทรจัน  การบุกรุกและเจาะข้อมูล ระบบขโมยรหัสผ่าน สปายแวร์ และซอฟต์แวร์ที่ไม่พึงประสงค์ในรูปแบบต่าง ๆ

 

นอกจากปัญหารุนแรงเกี่ยวกับความปลอดภัยแล้ว การใช้ Windows XPต่อไป ยังเป็นสาเหตุของปัญหาและข้อจำกัดเพิ่มเติมอื่นๆ  เช่น การเข้ารหัส การทำแฮชชิง และ การตรวจสอบตัวตน ในขณะที่ผู้จำหน่ายซอฟต์แวร์อิสระและบราวเซอร์กว่าร้อยละ 60 ไม่รองรับ Windows XP อีกต่อไป

 

นายสืบศักดิ์ คมเจษฎา ผู้จัดการฝ่ายสารสนเทศ บริษัท เอ็นอีซี คอร์เปอร์เรชั่น หนึ่งในลูกค้าของบริษัท ไมโครซอฟท์ (ประเทศไทย) จำกัด เปิดเผยว่า “ถึงแม้ Windows XP จะให้บริการเรามาเป็นระยะเวลาหลายปี แต่เราไม่สามารถใช้งานเครื่องคอมพิวเตอร์ได้อย่างเต็มที่อีกต่อไป เพราะอุปกรณ์ไดร์ฟเวอร์ต่างๆ ของ Windows XP ไม่รองรับการใช้งาน นอกจากนี้ระบบการรักษาความปลอดภัยของ Windows XP ก็ล้าสมัยเกินกว่าที่จะสามารถปกป้องเราจากไวรัสและมัลแวร์ในปัจจุบันได้ ถ้าเราเลือกที่จะย้ายระบบหลังจากความเสียหายเกิดขึ้น เราอาจต้องเตรียมรับมือกับการสูญเสียค่าใช้จ่าย จำนวนมหาศาล และนี่คือเหตุผลที่เราตัดสินใจย้ายจากWindows XP ไปเป็น Windows 7”

 

เพื่อให้ความช่วยเหลือองค์กรธุรกิจขนาดเล็กและขนาดกลาง วันนี้ ไมโครซอฟท์ ได้ประกาศบนเว็บไซต์ Windows Upgrade Centre เพื่อที่ลูกค้าจะสามารถศึกษาข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับเรื่องนี้ พร้อมรับฟังความเห็นจากนักวิเคราะห์และลูกค้ารายอื่นในภูมิภาค ไมโครซอฟท์ยังได้แนะนำลูกค้าองค์กรธุรกิจขนาดเล็กและขนาดกลาง  ให้คอยติดตามข้อเสนอพิเศษจากตัวแทนจำหน่ายในอีก 2-3เดือนข้างหน้า

###

ข้อมูลเกี่ยวกับไมโครซอฟท์

บริษัท ไมโครซอฟท์ (NASDAQ “MSFT”) ซึ่งก่อตั้งขึ้นเมื่อปี 2518 เป็นผู้นำระดับโลกด้านบริการซอฟต์แวร์ และโซลูชั่นที่ช่วยเสริมสร้างศักยภาพของผู้ใช้และองค์กรธุรกิจ

 

บริษัท ไมโครซอฟท์ (ประเทศไทย) จำกัด ก่อตั้งขึ้นในปี 2536  บริษัทฯ  เสนอซอฟต์แวร์ชั้นนำระดับโลกที่ใช้งานง่ายและเหมาะกับความต้องการของผู้ใช้คนไทย ตลอดจนแพลตฟอร์มที่ช่วยให้องค์กรธุรกิจพัฒนาโซลูชั่นที่ตรงตามความต้องการอย่างมีประสิทธิภาพ และสามารถรองรับได้ตั้งแต่คอมพิวเตอร์โน้ตบุ๊คไปจนถึงเครื่องขนาดใหญ่ระดับเมนเฟรม  เพื่อให้สอดคล้องกับการขยายตัวของจำนวนผู้ใช้คอมพิวเตอร์ในประเทศไทย  หากต้องการข้อมูลเพิ่มเติม สามารถเข้าไปเยี่ยมชมได้ที่เว็บไซต์ของไมโครซอฟท์ (ประเทศไทย) http://www.microsoft.com/thailand

 

ไมโครซอฟท์เป็นเครื่องหมายการค้าจดทะเบียนของ  ไมโครซอฟท์  คอร์ป  ประเทศสหรัฐอเมริกา  และหรือประเทศอื่นๆ ชื่อบริษัทและผลิตภัณฑ์ที่มีการกล่าวถึงในเอกสารชุดนี้อาจจะเป็นเครื่องหมายการค้าของเจ้าของนั้นๆ

 

หมายเหตุ:หากท่านต้องการทราบข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับไมโครซอฟท์สามารถดูได้ที่ http://www.microsoft.com/presspass/ ในส่วนของหน้าข้อมูลบริษัท

 

Loading Facebook Comments ...

6 Comments

Leave a Reply

Your email address will not be published. Required fields are marked *