ฮาฟมาราธอนแรกในชีวิตที่ “จอมบึงมาราธอน”

เป็นอีกงานที่มุ่งมั่นมากๆที่สักครั้งนึงในชีวิตการวิ่ง ต้องไปให้ได้ นั่นคือ “จอมบึงมาราธอน” สนามที่บ้าน สนามประวัติศาสตร์แห่งวงการในการวิ่ง และเป็นสนามที่นุทคิดมาเสมอว่าจะต้องฮาฟมาราธอนแรกที่นี่

เอาจริงๆ ตั้งแต่เปิดรับสมัครก่อนหน้าก็ไปลงบางแสน21 ไว้แล้วไม่ได้ล๊อตโต้ แต่จริงๆก็ภาวนาแหละ ว่าอย่าได้เลยจะได้อ้างกับคนอื่นๆได้ มันก็เลยผลัดวันประกันพรุ่งมาเรื่อยๆ แต่ก็ตั้งเป้าหมายกับจอมบึงมาราธอนไว้มากๆ อย่างน้อยมันก็เป็นสนามที่บ้าน ไม่ต้องวุ่นวายกับการหาที่พัก วิ่งเสร็จไม่ต้องกังวลเรื่องการเดินทางกลับ

โอเคคะดังนั้นเมื่อสมัครได้เรียบร้อยแล้ว ก็ซ้อมสิคะ ได้แต่คิด 21 กิโลมันเยอะนะ แม่มจะได้เหรอว่ะ จะรอดป่าวตรู วิ่งแค่ 10 โลยังเหนื่อยแทบตาย แต่เทรลก็ไปถึง 15 โลมาแล้วนะ อีก 6 โลเอง แถมเป็นวิ่งถนนด้วย มันต้องได้สิฟระ

คิดได้แบบนั้นก็ซ้อมสิคะ หาเพซที่เหมาะสม วิ่งเรื่อยๆ ทำงัยก็ได้ ไม่เหนื่อยวิ่งได้ยาวๆนานๆ แต่แล้วๆเหตุการณ์ที่ไม่คาดคิดก็เกิดขึ้น คือไม่มีเวลาซ้อมยาวๆเกิน 10 โลเลยทำงัยดีฟระ ก็กลับมานั่งคิด เอาฟระ วิ่งไม่ไหวก็เดินสิ จะทรมานตัวเองทำไม ตรูแม่มไม่ตายกลางทางแน่นอน เวลา cut off ก็พอสมควร ต้องรอดสิ ต้องจบโดยไม่ dnf สิ ขอแค่นี้แหละ สำหรับฮาฟแรกในชีวิต

แต่แล้วแรงใจเราก็มาเติมพลัง ความกลัวความท้อแท้ก็หายมลายสิ้น เฮียตูนนั่นเอง เจอกันทีไร เฮียต้องเข้ามากอดเราเสมอๆ เลยบอกเฮียไปว่า ปีนี้น้องจะลงฮาฟละนะ แต่กลัวจังเลยว่าจะไม่รอด เฮียก็บอกมาว่า สบายๆนะ วิ่งไปเรื่อยๆ สนามนี้ดี บรรยากาศในงานจะพาเราจบได้เอง เชื่อสิว่าตัวเองทำได้ นี่สินะพลังใจลึกๆที่คอยเติมเต็มในชีวิตเราเสมอๆ พูดถึงเฮียทีไร น้ำตาเอ่อทุกทีสินะ

พอถึงวันลงสนาม ได้แต่ภาวนาขอให้อากาศเป็นใจ ขอให้ไม่ร้อน ขอให้เราไม่เจ็บ ขอให้นอนหลับ พยายามไม่ตื่นเต้น ทำตัวชิลๆสบายๆ เตรียมชุดเสื้อผ้ารองเท้าให้พร้อม อุปกรณ์ทุกสิ่งอย่าง นาฬิกา หูฟัง โทรศัพท์ ชาร์ตแบตไว้ให้เต็ม เชคแล้วว่าแบตต้องเพียงพอสำหรับ 4 ชั่วโมง

เช้าวันจริงนั้นตื่นราวๆ 03.45 น.แต่งตัว แต่งหน้า รอเพื่อนมารับเพื่อไปส่งที่จอมบึง เวลาปล่อยตัว 05.30 น. ก็คิดไว้แล้วนะว่าเผื่อเวลาเดินทางไว้ถึงชั่วโมง แต่พอไปถึงมีการปิดถนนจร้า ชิหายแระ แม่มจะเข้าทางไหน ไปยังงัยต่อ ระหว่างที่ตามๆกันไป รถก็ติดสิคะ คนมากันเป็นหมื่น อ้อมกันไปเรื่อยๆจนดูเวลาแล้วเหลืออีกราวๆ 15 นาที โดดลงจากรถเพื่อนเลยคะ ไปหาต่อรถสองแถวของงานเพื่อเดินทางต่อ ดีนะโชคดีที่จุดที่ลงรถสองแถวมันใกล้จุดปล่อยตัวมากๆ มาถึงก่อนเวลาสัก 5 นาทีได้ จะเข้าห้องน้ำก็ไม่มีเวลา เอางัยดีๆ ช่างมัน เดี๋ยวไปหาเอาดาบหน้าก็ได้ฟระ

ถึงเวลาปล่อยตัว เราก็ยังไม่สามารถออกจากจุดสตาร์ทได้เนื่องจากปริมาณนักวิ่งที่เยอะมากจริงๆ ผ่านไป 5 นาทีแล้วพึ่งจะถึงจุดปล่อยตัว เอาน่าๆทำใจสบายๆ วิ่งไปเรื่อยๆ ดื่มด่ำกับบรรยากาศในงาน ณ ตอนนี้ก็เริ่มมีนักวิ่งแซงเราไปเรื่อยๆ แต่เราก็แซงบางคนไปเรื่อยๆเหมือนกัน กิโลแล้วกิโลเล่าผ่านไปเรื่อยๆ จนราวๆเกือบ 5 โล เจอปั๊มน้ำมันคะ ขอแวะเข้าห้องน้ำสักหน่อย แต่ก็นะ รอคิวยาวเลยคะ รอไปเกือบ 20 นาที ถึงจะกลับมาวิ่งต่อ ขณะนั้นเวลาผ่านไปแล้วราวๆ 1 ชม. ก็ได้แต่คิด ช่างมันเถอะ ไม่เป็นไรๆ

และแล้วเหตุการณ์ไม่คาดคิดก็เกิดขึ้น เพเซอร์ 4 ชม.ก็วิ่งมาประกบเราแล้วถามว่าระยะไหนค้าบ ฮาฟรึป่าว ถ้าฮาฟละก็ต้องสปีดแล้วนะค้าบ เอาละสิตรูจากวิ่งชิลๆสบายๆตอนนี้โดนเพเซอร์ประกบเลยจร้า สปีดขึ้นมาเป็นเพซ 7 ถึงกับหอบ นาฬิกาสั่นไม่หยุด HR พุ่งกระจุยกระจาย ได้แต่คิด ตรูไม่รอดแน่ๆ แต่จากการที่เคยฝึกกับ NRCBKK ตรูต้องรอดสิว่ะ แต่แล้วจุดพีคก็เริ่มอีกรอบ เพเซอร์ที่วิ่งประกบเราก็พูดขึ้นมาว่า ถ้าจะไม่ dnf ต้องแซงโป่งข้างหน้านะฮะ โป่ง 4 ชม.เป็นกลุ่มเลย เพราะตอนนี้เค้าวิ่งเพื่อประกบเรา ชิหายแล้วสิตรู HR ที่พุ่ง กับระยะข้างหน้าราวๆ 200 เมตรที่เราต้องกัดฟันไปให้ถึง แล้วระยะที่เหลือล่ะ ตรูจะรอดไหม เอาว่ะ ไหนๆก็ไหนๆละ มาถึงสนามแล้ว speed run เอย interval เอยที่ได้ฝึกมาจาก NRCBKK งัดออกมาใช้หมด กัดฟันสิคะ วิ่งไปให้ถึงโป่งข้างหน้าให้ได้ ไหนๆเคยวิ่งตามเฮียตูนด้วยเพซ4 มาแล้ว แค่นี้มันไม่ตายหรอก อัดสปีดไปถึงเพซ 6 จนแซงกลุ่มโป่ง 4 ชม.จนได้ ดีนะที่กลุ่มโป่งนั้นเริ่มเดิน เพราะวิ่งเร็วเกิน ทำให้เราเริ่มลดสปีดลงได้ กลับมาวิ่งจ๊อกไปเรื่อยๆ วิ่งช้าแต่นุทเองไม่หยุดเดินนะ จนช่วงที่แวะดื่มน้ำก็จะเดินหลังจากดื่มเล็กน้อย

หลังจากนั้นก็วิ่งไปเรื่อยๆชิลๆ ระหว่างทางก็มีกองเชียร์เป็นเด็กนักเรียนบ้าง ผู้สูงอายุบ้าง ชาวบ้านบ้าง นี่สินะที่เป็นเสน่ห์ของสนามจองบึงมาราธอนที่หลายๆคนชม ระหว่างทางก็เจอนักวิ่งที่มาฮาฟแรกเหมือนกัน ซึ่งบางคนก็ติดบิบบอกฮาฟแรก แต่บางคนก็ไม่ได้ติด ก็ได้ทักทายชักชวนกันวิ่งไปเรื่อยๆ นี่แหละมิตรภาพดีๆในสนามที่ต้องมาเจอเอง

วิ่งไปเรื่อยๆแต่ละกิโลที่ผ่านไป อยากบอกว่าไม่รู้สึกเหนื่อยเลย มันสนุก สดชื่นมากๆ วิ่งตั้งแต่ฟ้ามืดจนฟ้าเริ่มสว่าง แดดเริ่มมา พอกลับตัววิ่งมาอีกฝั่งนี่ ย้อนแสงสุดๆ เริ่มร้อน คือตากแดดนี่ ไม่ได้กลัวดำนะ แต่แสบตานี่สิ รู้สึกพลาดที่ไม่ได้เอาแว่นตากันแดดไปด้วย แต่ดีนะที่ใส่หมวกไป เอาน่าวิ่งไปเรื่อยๆ จนเริ่มมารวมกับระยะมาราธอน คนก็เริ่มเยอะ ได้ทักทายกันด้วยเพราะเมื่อผ่านตากล้องแล้วทำท่าถ่ายรูปท่าเดียวกัน แอบฮา

เริ่มมาถึงโลที่ 20 แล้วก็คิด อีกโลที่เหลือนี่ ขอเดินได้ไหม เมื่อไรจะถึงนะ โอ๊ยเริ่มเมื่อยขาแล้ว หิวน้ำด้วย แม้ว่าช่วงหลังๆนี่จุดให้น้ำเยอะมาก แต่เราจะดื่มน้ำตลอดทุกจุดเดี๋ยวจะจุกนะ เดินไปได้นิดๆ ชิหายละ ตากล้องเพียบ ดักยิงเพียบทุกจุด ห่างกันไม่กี่เมตรทั้งฝั่งซ้ายฝั่งขวา เอาน่ากัดฟัน วิ่งไปเรื่อยๆเหมือนเดิม พยายามยิ้มแย้ม ยิ้มสู้มันทุกกล้อง ขุดท่าออกมาเท่าที่คิดได้ ใกล้แล้วๆเมื่อเข้าสู่ราชภัฏจอมบึง มันต้องใกล้เส้นชัยแล้วสินะ เริ่มกัดฟันสปีดอีกรอบ จนเห็นระยะที่พื้นบอกว่าอีก 300 เมตร จะถึงแล้วเฟร้ย เร่งเลยคะ และแล้ว เราก็ถึงเส้นชัยจนได้ จบด้วยเวลา 3.35 ชั่วโมง กับการเสียเวลาที่จุดสตาร์ท และเวลาเข้าห้องน้ำ เชื่อว่าจริงๆน่าจะได้เวลาที่ดีกว่านี้

จบแล้วฮาฟแรกของช้าน ในที่สุดเราก็ทำได้ ระหว่างที่วิ่งตลอดเส้นทาง ได้แต่ขอบคุณตัวเองมาตลอด ขอบคุณที่ร่างกายเราไม่เกเร ขอบคุณที่ร่างกายเรายังไหว ขอบคุณจิตใจที่เข้มแข็ง ขอบคุณที่ไม่ท้อแท้ ไม่เคยคิดมาก่อนว่าเราจะมาถึงขนาดนี้ได้ อยากบอกเพื่อนๆเลยคะว่า ทุกสิ่งล้วนอยู่ที่ใจจริงๆ ถ้านุททำได้ เพื่อนๆก็ต้องทำได้

สุดท้ายนี้ขอขอบคุณ

  • Plantronic ที่ส่ง Plantronic Blackbeat 3100 มาให้ ตัวนี้มันเหมาะกับการใส่วิ่งระยะยาวๆจริงๆ แบตอย่างอึด เสียงก็ดี ใส่แล้วไม่เจ็บหู น้ำหนักเบา
  • ขอบคุณ ครอบครัว พ่อกับแม่ ที่คอย support ตลอดเวลา สนับสนุนให้เราออกกำลังกาย
  • ขอบคุณเพื่อนผึ้งที่ดูแลคอยรับส่ง พาไปหม่ำ ตลอดการแข่งครั้งนี้
  • ขอบคุณ NRCBKK ที่ฝึกให้เราพัฒนาตัวเองอยู่ตลอด
  • ขอบคุณเพื่อนๆบ้าน ไม่คิดฯที่คอยแนะนำและให้กำลังใจเสมอ
  • ขอบคุณนิจิที่ช่วยเรื่องการสมัครจนไปรับบิบให้
  • ขอบคุณตัวเองที่เชื่อมั่นในจิตใจ

Loading Facebook Comments ...

Leave a Reply

Your email address will not be published. Required fields are marked *