บราสเซอรี คอร์ดอนนิเยร์ (Brasserie Cordonnier) ร้านอาหารฝรั่งเศสสูตรต้นตำรับใจกลางซอยสุขุมวิท 11

เมื่อพูดถึงร้านอาหารฝรั่งเศสนี่ตอนนี้บอกเลยว่าในไทยมีเปิดกันหลากหลายมาก ซึ่งแต่ละร้านก็มีเอกลักษณ์ที่แตกต่าง ตามแต่ละสไตล์ ซึ่งนุทจะพาเพื่อนๆมาลิ้มลองอาหารฝรั่งเศสอีกร้านเป็นแบบสูตรต้นตำรับแท้ๆเลยที่ บราสเซอรี คอร์ดอนนิเยร์ (Brasserie Cordonnier)

บราสเซอรี คอร์ดอนนิเยร์ (Brasserie Cordonnier) เป็นร้านอาหารฝรั่งเศสสูตรต้นตำรับใจกลางซอยสุขุมวิท 11 ที่จำลองบรรยากาศของบราสเซอรีแบบฝรั่งเศสดั้งเดิมสุดคลาสสิค โดยดูได้จากการแต่งร้าน ที่มีคอนเซปเหมือนกับร้านทำรองเท้า เพื่อนๆจะเห็นว่ามีอุปกรณ์ทำรองเท้ามาตกแต่งตามผนังร้าน เก๋ดีนะ

ซึ่งแรกๆที่มาทานอาหารฝรั่งเศสนี่หลายๆคนคงคิดว่าเราต้องแต่งตัวหรูหรา เต็มยศมากินไหม แต่ที่ร้านนี้เค้าเน้นอาหารอร่อยและบรรยากาศเป็นกันเอง ตามเจตนารมณ์ของ โซโห ฮอสพิทอลลิตี้ ที่มุ่งมั่นผสานสององค์ประกอบหลักของวัฒนธรรมฝรั่งเศส คืออาหาร และ แฟชั่น เพื่อมอบประสบการณ์การรับประทานอาหารฝรั่งเศสที่พิเศษกว่าครั้งไหนๆให้กับลูกค้า

เมนูของ บราสเซอรี กอร์ดอนนิเยร์ สร้างสรรค์โดย เอ็กเซ็กคิวทีฟเชฟ เคลมองต์ เฮอร์นานเดซ (Clement Hernandez) ผู้มีประสบการณ์จากร้านอาหารระดับดาวมิชลินหลากหลายแห่งทั้งในยุโรปและเอเชีย รวมถึง J’AIME by Jean Michel Lorain สาขาในกรุงเทพฯของร้านอาหารระดับมิชลินสองดาวจากประเทศฝรั่งเศสที่ได้รับการยอมรับจากนักชิมทั่วโลก

โดยเชฟเคลมองต์ บรรจงสร้างสรรค์เมนูอาหารฝรั่งเศสหลากหลายประเภท ตั้งแต่จานที่รับประทานง่าย ไปจนถึงจานที่รังสรรค์ขึ้นพิเศษสำหรับร้านนี้เท่านั้น เพื่อให้ถูกปากและรสนิยมของนักชิมอาหารฝรั่งเศสทุกเพศทุกวัย

นอกจากเมนูอาหารฝรั่งเศสหลากหลายชนิด บราสเซอรี กอร์ดอนนิเยร์ ยังมีเมนูเครื่องดื่มมากมาย ไม่ว่าจะเป็นไวน์และเหล้าชั้นดีจากทั่วโลก และค็อกเทลที่ได้รับแรงบันดาลใจจากวัฒนธรรมค็อกเทลของฝรั่งเศส สร้างสรรค์โดย ดาวิดดี้ แซมโบ (Davide Sambo) Group Mixologist ของ Soho Hospitality

ผู้อยู่เบื้องหลังความสำเร็จของเมนูเครื่องดื่มของร้านอาหารและบาร์ชื่อดังในกรุงเทพฯมากมาย เช่น Above Eleven, Charcoal Tandoor Grill & Mixology, Havana Social รวมไปถึงร้าน Above Eleven สาขาบาหลี อีกด้วย

เพื่อนๆพร้อมที่จะเดินทางข้ามกาลเวลา ไปสัมผัสประสบการณ์สุดคลาสสิคและเอ็กซ์คลูซีฟของปารีสยุคปี 1930 ส่งตรงจากเมืองหลวงของแฟชั่นและอาหารที่ยิ่งใหญ่ที่สุดเมืองหนึ่งของโลก กับนุทกันยังคะ ถ้าพร้อมแล้ว ไปกันเลยคะ

เริ่มด้วยจานแรก เป็นออเดิฟเรียกน้ำย่อยกันเบาๆด้วยเมนู Coldcuts & Cheeses Platter (480++) ชีส 3 ชนิด ประกอบด้วย Rocamadour (Goat Cheese) Fourme D’Ambert (Blue Cheese) และ Homemade Fresh Cottage Cheese และโคลด์คัท 3 ชนิด ประกอบด้วย Rossette (dry sausage) Jambon de Pays (cured ham) เสิร์ฟมาพร้อมแตงกวาดอง มะกอก และ มะเขือเทศแห้ง และ Homemade Pork and Pistachio terrine

Chilled Ratatouille (280++) สตูว์ผัก ‘ราตาตุย’ อาหารสามัญประจำชาติชาวฝรั่งเศส ที่เชฟทวิสต์ด้วยการใช้เทคนิคผั

Burgundy Snails (390 บาท) หอยทากจากแคว้นเบอร์กันดีที่ขึ้หมดจากของความแล้วมาล้างปากกันหน่อยด้วยเมนูขนมหวาน กันดีกว่าคะ


Apple Tarte Tatin ทาร์ตตาแต็งแบบอัพไซด์ดาวน์ เนื้อแอปเปิลเป็นชั้นบางๆ กับพัฟเพสตรีบางเฉียบ กินกับไอศกรีมซินนามอน

Mousse Au Chocolat (180++) มูสช็อคโกแลต รสชาติมันเข้มข้น และเพื่อเพิ่มเนื้อสัมผัสของมูระหว่างที่เราทานอาหารนั้น อีกสิ่งที่บอกตั้งแต่ต้นแล้วคะว่าเมื่อมาที่นี่ก็ไม่ควรพลาดเลยก็คือเครื่องดื่ม ขอแนะนำตัวเด็ดๆสัก 2 แบบแล้วกันนะคะ
With Love from Monet (350++) ค็อกเทลรสเข้มที่ใช้เหล้าวิสกี้
Loading Facebook Comments ...

Leave a Reply

Your email address will not be published. Required fields are marked *