บทความนี้เป็นรีวิวจากเพจพันธมิตร ซึ่งนุทเห็นแล้วรู้สึกว่ามันมีประโยชน์มากๆ สำหรับเพื่อนๆที่อยากรู้ว่า nike epic react flyknit มันต่างจาก adidas ultraboost อย่างไร จากความรู้สึกของผู้ใช้งานจริง ซึ่งบทความนี้ได้รับการอนุญาตเป็นที่เรียบร้อยแล้วนะคะ ข้อความหลังจากนี้จาก แอดมินเพจ “ไม่คิดว่าผมจะรักการวิ่งขนาดนี้” ล้วนๆโดยที่นุทไม่ได้แก้ไขดัดแปลงแต่อย่างใด
จากที่เป็นโอตะของ adidas มายาวนานกว่า 3 ปี ใช้ Ultraboost มา 3 รุ่น ใช้จนพังไป 1 คู่ / คู่ที่ 2 boost เริ่มเหลือง และคู่ที่ 3 uncaged สีดำซึ่งส่วนใหญ่จะเอาไว้ใส่เที่ยว หรือใส่วิ่งบ้างเวลาหงุดหงิด ที่เห็น boost เหลืองๆ ของคู่ที่ 2 จนจู่ๆ วันนึงก็เกิดอารมณ์เปลี่ยวเริ่มหาเรื่องมองหารองเท้าวิ่งคู่ใหม่ฉลองแต๊ะเอียที่เพิ่งได้มา (คัน) ซึ่งเอาจริงๆ ตอนก่อนจะซื้อก็คิดว่าคู่เก่ายังไม่พังเลย จะซื้อทำไม แต่เพื่อนนักวิ่งสายสัตวแพทย์ที่น่ารักคนหนึ่งก็บอกว่า รองเท้าใส่เที่ยวยังมีหลายคู่ได้ ทำไมรองเท้าวิ่งจะมีหลายคู่ไม่ได้ แอดพยักหน้าหงึกๆ เห็นด้วย จึงหมดคำถาม หารองเท้าคู่ใหม่ด้วยความสนุกสนานต่อไป
แล้วทันใดนั้นก็เป็นช่วงเวลาเดียวกับที่ Nike ออกรองเท้าวิ่งตัวใหม่ออกมากับชื่อรุ่นที่เข้ายุคสมัยมากๆ ว่า “อีปริก” พร้อมกับสีที่โดนใจแอดอย่างสีชมพู ไม่รอช้าใช้เวลา 2 วันหลังจากสำเร็จโทษแต๊ะเอียแล้ว รองเท้าคู่สวยก็มาวางอยู่ที่โต๊ะทำงานเป็นที่เรียบร้อย
แม้ว่าท่านแม่ของแอดจะทำสีหน้าแปลกๆ เมื่อเห็นลูกชายสอยรองเท้าสีชมพูมา แต่แอดก็รู้สึกว่าสีชมพูนี้มันสวย มีความโคอิซึรุ ฟอร์จูนคุ๊กกี้เบาๆ ดูหวานๆ อ่อนโยน ไม่แปร๊ดจนเกินไป แล้วพอเป็นเนื้อผ้าแบบ Flyknit มันก็ดูมีรายละเอียดเล็กๆ น้อยๆ ในการทอที่สวยงามดี โดยความต่างของผ้า Flyknit ของ Nike กับ ผ้า Primeknit ใน Ultraboost ของ adidas นั้นมีความแตกต่างนิดหน่อยตรงผ้า Primeknit ใน Ultraboost จะให้ความกระชับเท้ามากกว่า ฟิตพอดีกว่า เหมือนใส่ถุงเท้า ยืดขยายได้เต็มที่ ในขณะที่ Flyknit จะคงรูปเป็นทรงรองเท้ากว่า ไม่กระชับเท่า แต่ก็ไม่ได้หลวมจนรู้สึกไม่ปลอดภัยเวลาวิ่งหรือเดิน
ในฐานะแฟนบอยของ adidas ต้องยอมรับว่า Ultraboost ที่พัฒนามาหลายรุ่นแล้วนั้น ตอนนี้แทบไม่มีอะไรต้องติเลย ทุกอย่างโอเคหมด อาจจะมีเรื่องความทนทานของเนื้อผ้าบ้างในบางรุ่น ซึ่งในรุ่นต่อๆ มา ก็ได้พัฒนาให้มีความทนทานมากขึ้นแล้ว แต่ด้วยเรื่องราคาค่าตัวที่ค่อนข้างสูงขึ้นทุกๆ รุ่น อาจทำให้กลุ่มนักวิ่งเริ่มมองหาช้อยส์อื่นเป็นตัวเลือกแทน (น่าจะใกล้ๆ 8 พันละมั้ง -..-)
กลับมาที่ “อีปริก” สี “พิ้งกุ” ของเราดีกว่า หลังจากที่แกะกล่องออกมาส่องเรียบร้อย ด้วยความที่พื้นฐานแอดเป็นคนนิ่งๆ ไม่เห่ออะไรง่ายๆ จึงตรงดิ่งเข้าฟิตเนสเอามาซ้อมวิ่งลู่เย็นนั้นเลยด้วยเป้าหมายที่ตั้งไว้ 5 โลพอ ถนอมหน่อย เดี๋ยวรองเท้าพัง ถถถ
พอสวมเข้าไปก็รู้สึก เอ้อ~ มันนุ่มสบาย ไม่ได้นุ่มลมๆ แบบพื้น AIR มันเป็นความนุ่มแบบยางๆ หนึบๆ หยึ๋งๆ พื้นรองเท้ามีความสูงและหนา ที่ตอนแรกแอบกังวลว่ามันจะมั่นคงมั้ยตอนวิ่ง ก็รู้สึกมั่นคงดียามเดิน เอาละ มาลองขึ้นลู่วิ่งกันดีกว่า
พอตอนวิ่งก็รู้สึก เฮ้ย วิ่งสนุกจัง เด้งดีอ่ะ มันไม่เหมือนความเด้งแบบ Ultraboost เป็นความเด้งยังไงไม่รู้บอกไม่ถูก สุดท้ายที่ตั้งใจไว้ 5 โล ก็กดไป 10 โลด้วยความเมามันส์ ไม่ได้จับบุคลิก ไม่ได้จับสังเกตอะไรเลย รู้สึกแต่ว่า มันวิ่งสนุกดี อย่างเดียว
ผ่านมาหนึ่งวัน แบบงงๆ วันนี้เอาใหม่ ตั้งใจละว่า จะเอาแค่ 5 โลจริงๆ แล้วจะไม่ฟังเพลงด้วย จะวิ่งลู่เงียบๆ จับความรู้สึก จับบุคลิกรองเท้าแบบละเอียดๆ มาเขียนรีวิว แล้วก็สำเร็จ จนสรุปได้ดังนี้ฮะ
กิโลที่ 1- 2 : วิ่งแบบสบายๆ – ให้ความรู้สึกเด้งนุ่ม มีแรงส่งจากพื้นดี ทำให้ไม่ต้องออกแรงยกเท้ามาก ร่างกายทำหน้าที่แค่พาขาตัวเองไปข้างหน้าแค่นั้น ทุ่นแรงไปได้เยอะอยู่ จบกิโลที่ 2 อย่างสบายๆ เข้าสู่กิโลที่ 3
กิโลที่ 3-5 : ยิ่งเร่ง ยิ่งสนุก – ลองเพิ่มความเร็วมากขึ้น กำลังที่รองเท้าส่งกลับมาก็จะเข้มข้นขึ้นตามแรงกดของเรา คำในหัวตอนนั้นรู้สึกว่า “ป๊าดดดด พี่เด้งสู้ตรีนมากกก~” นี่แหละคือความรู้สึกที่วิ่งเมื่อวาน ที่ว่าวิ่งแล้วสนุก ถ้าเทียบกับ ultraboost แล้วมันก็เด้งนะ แต่แรงส่งที่ส่งกลับมาหรือความเด้งนั้นมันน่าจะน้อยกว่า “อีปริกรีแอค” อยู่เหมือนกัน อันนี้เหมือนยิ่งกดยิ่งมา ส่วนช่วงล่างนี่ React หรือช่วงล่าง M Sport บอกมา!!
จบ 5 โลไปพร้อมกับความฟิน สนุกสนาน กันไป วิ่งมา 2 วัน 15 โลพอสรุปคร่าวๆ สำหรับ Mini Review ได้ดังนี้
Epic react เหมาะกับใคร?
– ส่วนตัวคิดว่าน่าจะเหมาะกับนักวิ่งสายเน้นซัพพอร์ต ที่เริ่มอยากจะลองทำเวลา ชาเล้นจ์ตัวเอง หรืออยากเพิ่มความเร็วให้มากขึ้น โดยมีรองเท้าเป็นตัวสนับสนุนที่จะทำให้ไม่เหนื่อยและสนุกกับการวิ่ง ในราคาที่จับต้องได้ (ถ้าโปรฯ ลดราคาดีๆ ยิ่งดี ลองดูนะทุกคน)
ถ้าเปรียบเทียบกับ Ultraboost ล่ะ?
– สั้นๆ เลย “Epic React วิ่งสนุก Ultraboost วิ่งสบาย”
ข้อสังเกตุ
– พื้นรองเท้านี่แหละ ที่ยังกังวลนิดๆ ว่าพื้นจะไปเร็ว ซึ่งเรื่องนี้ก็ได้ยินหลายคนก็พูดๆ อยู่เหมือนกัน ก็อาจจะต้องลองลงถนนจริงสักพัก แล้วยังไงจะมาอัพเดตกันอีกทีหลังจากผ่านไปสักระยะนะครับ
– สำหรับรุ่นนี้อาจจะต้องเผื่อไซส์จากที่ใส่ปกติอีก +0.5 นะครับ อย่างเช่นปกติแอดใส่ 9.5 US คู่นี่แอดใส่ 10 US ครับ ใส่วิ่งกำลังสบายไม่บีบ มีเนื้อที่ด้านหน้าเหลือนิดหน่อย
นี่ก็เป็นเพียงรีวิวสั้นๆ ที่วิ่งไปแค่ 10-15 โลบนลู่เท่านั้น ยังไม่ได้ลองวิ่งระยะไกลบนถนนเลย
แต่วันอาทิตย์นี้แอดมีลงงาน ศิริราช 21K ไว้ ตั้งใจจะเอาน้องปริกพิ้งกุไปลองอีกครั้ง ความรู้สึกจะเปลี่ยนไปมากน้อยแค่ไหน รวมถึงพื้นรองเท้าที่กังวลด้วย ถ้าไม่เป็นลมกลางแดดวันอาทิตย์นี้ซะก่อน จะรีบกลับมารีวิวน้องปริกอีกรอบนะครับ
แล้วเจอกันรีวิวหน้าจ้า
ปอลิง. ทั้งหมดนี้เป็นเพียงความเห็นส่วนตัวน้า
ยังไงก็อยากให้ไปลองก่อนจ่ายเงินซื้อนะครับ
แอดบีเดย์
26.04.18
เป็นงัยกันบ้างคะ สำหรับรีวิวอีปริก ชอบกันใช่ไหมละ ส่วนตัวนุทเองใส่สี navy ซึ่งเป็น epic react รุ่นแรก แล้วสีนี้ในไทยไม่มีแล้วด้วย น่าเสียดายมากๆ แถมพึ่งจะรู้ว่าในไทย ไซด์ของผู้หญิงจะมีถึงแค่ 9 หรือ 9.5 แต่นุทใส่ 10 สำหรับรุ่นนี้นะคะ ดังนั้นต่อไปถ้าจะซื้อในไทยเราต้องกระโดดไปไซด์ผู้ชายแทน คิดแล้วแอบเศร้า เพื่อนๆถ้าได้ลองแล้วเป็นงัยมาเล่าให้ฟังกันบ้างนะคะ