พาเพื่อนๆไปชมชิมชิลกับอาหารหลากหลายกันแล้วครั้งนี้มาถึงคิวอาหารอิตาเลี่ยน ซึ่งต้องต้องขอขอบพระคุณห้องอาหาร Jojo โรงแรม St.Regis ที่พานุทมาเปิดประสบการณ์ใหม่ๆ และนำมาเล่าให้กับเพื่อนๆกันนะคะ
ครั้งนี้ได้รับเกียรติจาก เชฟ Carlo ซึ่งบินตรงมาเพื่อรังสรรค์เมนูสุดพิเศษนี้ให้กับพวกเราได้อิ่มเอมกัน
สำหรับห้องอาหารนี้ตั้งอยู่ชั้น1 ของโรงแรมเลยคะ หาไม่ยาก มาดูการตกแต่งของห้องอาหารกันก่อนดีกว่าคะ อาหารจะอร่อยได้ บรรยากาศและสถานที่ก็เป็นเรื่องสำคัญอย่างยิ่งยวด
เพียงแค่เห็นสถานที่ก็รู้สึกอิ่มเอมกับบรรยากาศแล้วใช่ไหมคะ ระหว่างนี้ก็มีดนตรีบรรเลงขับกล่อมเป็นแบบ Opera แหม รู้สึกว่าค่ำนี้นี้ดิฉันเป็นนางซินอย่างไรก็ไม่รู้ หลังจากผ่านการเพ้อฝัน กลับเข้ามาสู่โลกแห่งความจริงกันต่อคะ
เริ่มด้วย Welcome Drink ที่ทางโรงแรมจัดมาไว้ต้อนรับนางซินอย่างช้าน เป็นแบบ sparkling wine กล่นพีชหอมหวาน ก็ไม่รู้เท่าไรหรอกนะว่าเรียกว่าอะไรเพราะปกติไม่ได้เชี่ยวชาญพวกแอลกอฮอล์เท่าไร
มาเริ่มกันที่ starter กันก่อนเลยคะเป็นขนมปังที่ทางโรงแรมอบเอง นุทชอบตัวที่เป็นแบบแป้งพิซซ่าไส้ชีส มันหอมหวานมากๆ เมื่อทานแบบร้อนๆพึ่งอบออกมาจากเตาแล้วล่ะก้อ ชีสจะเยิ้มมาก
Baccala mantecato (Whitecod mousse, sweet & sour shallots , pine nuts , croutons) จานนี้เป็นปลาคอดซึ่งหอมหวานเนื้อครีมนวลมาก กลมกล่อม ถ้าทานคู่กับขนมปังอบยิ่งเริ่ดมากๆ จานนี้บอกได้เลยว่าชอบคะ
Insalata di granchio (Alaska king crab , zucchini , mint , shellfish & squid ink light mayonnaise , croutons) แค่การตกแต่งก็ดูสวยงามบันเทิงใจอย่างมาก จานนี้จะคล้ายๆสลัด เพียงแค่เนื้อปูอลาสก้าก็สดมากแล้ว เพียงแค่นี้ก็ฟิน เมื่อรวมกับผักที่สดกรอบกับซอสที่ทางเชฟปรุงก็กลมกล่อม
Panzanella a modo mio ( Buffalo mossarella cheese , organic cherry tomatoes , bread soaked in tomato jus , red onion , cucumber , basil ) จานนี้สีสันสดใสเป็นสไตล์สลัด ผักสดกรอบมีคุณค่าทางสารอาหารมากคะเพราะมีผักหลากสีสัน ทานร่วมกับชีสรสกลมกล่อม ชีสอร่อยอ่ะ ทานเปล่าๆก็เริ่ดนะ
Coppa di testa ( Pork Italian terrine marinated in green sace , horseradish yogurt , pickles beetroot , caramelized pears ) แผ่นด้านล่างสีแดงๆเป็นเนื้อหมูที่ทางเชฟทำขึ้นมา ส่วนรสชาติถ้าจินตนาการกันไม่ออกนุทว่าคล้ายๆพวกขาหมูเย็น ทานคู่กับ green sauce เมนูนี้นุทว่าเฉยๆ ไม่ได้รู้สึกโดดเด่นเท่าไร หมดส่วนของอาหารเรียกน้ำย่อยแล้วคะ ต่อไปเป็นอาหารจานหลักกันแล้วคะ
Main dishes จานแรกมาแล้วคะ Risotto al nero di seppia ( “Acquerello” rice , pot braised fresh cuttlefish in black ink sauce ) หรือคือข้าวสไตล์อิตาลี่ เม็ดข้าวเหมือนไม่สุก คือมันแบบกึ่งดิบกึ่งสุก เวลาทานเข้าไปก็กุ๊บๆ จานนี้เห็นหน้าตาดูไม่น่าภิรมย์สักเท่าไรอาจจะเพราะสีดำจากหมึกแต่อยากบอกว่าอร่อยมาก นุทชอบมากๆเพราะหอมเนยนมชีส กลมกล่อมคะ ทานคู่กับเนื้อปลาหมึก อร่อยมากคะ
จานที่สอง Risotto Acquarello al basilico ( Italian basil risotto , braised squid head , garlic , chili , parmesan cheese ) เป็นข้าวอีกแล้วคะแต่มาด้วยซอสสีเขียวจากผักทานคู่กับหนวดปลาหมึก จานนี้เมื่อทานไปรู้สึกได้ถึงอาหารของสุขภาพทันทีไม่ได้มีกลิ่นเหม็นเขียวจากผักนะคะกลับกันเมื่อทานจะรู้สึกสดชื่น
Pappardelle al ragout d’agnello (Beetroot fresh pasta , organic lamb , artichoke , mint , percorino cheese , olives ) จานนี้ถ้าคนที่ไม่ทานเนื้อแกะคงจะไม่ชอบ ปกติเนื้อแกะจะค่อนข้างมีกลิ่นสาบแม้ว่าจะพยายามหลากหลายวิธีก็ยังคงมีนะคะ จานนี้นุทจะชอบเส้นพาสต้าที่ทางเชฟทำขึ้นมาเองมากๆ เส้นเหนียวนุ่ม ทานคู่กับเนื้อแกะและซอสอร่อยมาก
Ravioli di agnello brasato ( Homemade ravioli , lamb confit filling , potato cream , gremolata , pecorino dust ) ราวีโอลี่จานนี้มาพร้อมกับซอสที่หอมนมเนยมากๆ ดูผ่านๆคล้ายกับเกี๊ยวน้ำมากๆ จานนี้มาเป็นไส้แกะ แต่กลิ่นนี่แรงกว่าจานเมื่อกี๊เยอะ
Cappesante & branzino ( Hokkaido giant scallops , wild sea bass , squash compote , quinoa , walnut oil ) จานนี้ปลื้มปริ่มคะ เหมือนรวบรวมบรรดา ที่สุดมารวมไว้ในนี้ ไม่ว่าจะเป็นหอยเชลล์ที่มาจากฮอกไกโดตัวใหญ่เนื้อแน่นมากๆ และเนื้อปลากะพงก็สดหวานไม่คาว ทานกับเม็ด quinoa ซึ่งผู้รักสุขภาพจะรู้ดีว่าเม็ดนี้มีคุณค่ามากๆ สำหรับจานนี้แนะนำเลยคะอร่อยมากๆ ถ้ามาห้องอาหารนี้ไม่ควรพลาดนะคะ
Petto d’anatra ( Duck breast , chestnut ragout in red wine , glazed cherries , parsley bread , port wine sauce ) จานสุดท้ายอกเป็ด ต้องออกตัวก่อนว่าปกตินุทจะไม่ทานของมัน แล้วก็กังวลเรื่องของหนังเป็ดมากๆ แต่ก็ลองชิมดูแล้วต้องประหลาดใจตัวเองว่าสามารถทานได้เพราะตัวหนังที่ทอดกรอบจนความมันของหนังหายไปเหลือเพียงชั้นไขมันที่อยู่ระหว่างหนังกันเนื้อนั่นสร้างความนุ่มให้เวลาเข้าปาก มันอร่อยมากจนเหลือเชื่อ เมื่อทานร่วมกับซอส มันช่างบรรยายออกมาไม่ได้ คงได้แต่บอกว่าฟินจริงๆ
หลังจากจบอาหารจานหลัก มาต่อกันด้วยของหวาน ซึ่งทางเชฟเตรียมมาไว้ให้เราถึง2เมนู เมนูแรก Galani con zabaglione ( Venetian doughnut , Italian light “passito” custard ) อันนี้นุทชิมนิดๆจริงๆเพราะตัวคัสตาร์ดผสมแอลกอฮอล์เยอะมากจริงๆ
เมนูนี้ เมื่อเห็นแล้ว สำหรับผู้ที่ชื่นชอบเค้กต้องกรีดร้อง Chestnut cake “Zia Marika” ( Flourless homemade soft cake , chestnuts , vanilla bean , fresh cream ) ตัวเค้กเมื่อทานกับวานิลามันหอมอร่อย บอกได้เลยว่าฟินมากๆ อิ่มเอมกับเมนูกันสุดๆ
ปิดท้ายมื้ออาหารที่เมนูช่วยย่อย ซึ่งเป็นแอลกอฮอล์อีกเช่นเคย เลยได้แต่ลองจิบๆชิมๆ คล้ายๆคาลัวเลยคะ แต่เป็นกลิ่นวานิลาหอมๆ จิบไปเรื่อยๆมีเมานะคะ
สุดท้ายนี้ต้องขอบคุณห้องอาหาร Jojo โรงแรม St.Regis ที่ได้ให้ประสบการณ์ใหม่ๆด้านการกินให้กับนุท และถ้าเพื่อนๆสนใจอยากหาที่พิเศษๆ แนะนำเลยคะ เพื่อนๆจะไม่มีทางผิดหวังแน่นอน