ครั้งแรกของการจับมือระหว่างสี่แบรนด์ยักษ์ใหญ่วงการ Home & Living ระดับประเทศอย่าง ซัมซุง – เอสบี ดีไซน์สแควร์ – คอปเปอร์ ไวร์ด – ฟิลิปส์ ฮิว ประกาศความร่วมมือครั้งสำคัญ เนรมิต Smart Home Flagship Store แห่งแรกในประเทศไทย ด้วยบ้านสมาร์ทโฮมอีโคซิสเต็มกับแพล็ตฟอร์ม SmartThings ระบบบ้านอัจฉริยะ ที่มาพร้อมกับสมาร์ทโฮมไอโอทีและระบบไฟไอโอทีไร้สายอัจฉริยะมอบความสะดวกสบายให้คนไทยเข้าถึงสมาร์ทโฮมรูปแบบใหม่แบบครบวงจร ณ เอสบี ดีไซน์สแควร์ สาขาคริสตัล ดีไซน์ เซ็นเตอร์ (CDC)
พิเดช ชวาลดิฐ กรรมการบริหาร กลุ่มบริษัท เอสบีเฟอร์นิเจอร์ เผยว่า จากวิถีชีวิตที่เปลี่ยนไปของผู้บริโภคสู่ยุค “Life is connected everywhere” ทำให้เกิดการพัฒนาแนวคิด “Connect Your Home” ให้สามารถใช้ชีวิตเชื่อมต่อกับบ้านได้ในทุกที่ทุกเวลาแม้จะไม่ได้อยู่บ้านก็ตาม ความร่วมมือในครั้งนี้ถือเป็นการส่งมอบบริการ สมาร์ทโฮม อีโคซิสเต็ม แบบครบจบในที่เดียวย้ำความเป็น The Best Smart Home Design Solutions Destination ทั้งยังได้ร่วมสร้างสรรค์ Smart Home Flagship Store แห่งแรกของไทยขึ้นที่ เอสบี ดีไซน์สแควร์สาขา คริสตัล ดีไซน์ เซ็นเตอร์ (CDC) ให้ลูกค้าที่เข้าชมได้รับประสบการณ์ตรงนำสู่การสร้างแรงบันดาลใจในการใช้ชีวิตที่สมาร์ทยิ่งขึ้น โดยผู้บริโภคจะได้เห็น Smart Home ที่เพียบพร้อมด้วยการออกแบบตกแต่ง Built-in Furniture ในทุกห้อง ทั้งห้องครัว ห้องอาหาร ห้องนั่งเล่นห้องทำงาน ห้องนอน ผสานการติดตั้งอุปกรณ์ IoT อัจฉริยะจากแบรนด์พันธมิตร และสามารถควบคุมการทำงานผ่าน แพล็ตฟอร์ม SmartThings เพียงแพล็ตฟอร์มเดียว
สำหรับเอสบี ดีไซน์สแควร์ Behavior journey ของลูกค้าถือเป็นสิ่งสำคัญ การถอดรหัสข้อมูลเพื่อนำมาพัฒนา
Lifestyle Shopping Experience คือจุดริเริ่มบริการใหม่ๆอย่างไม่หยุดยั้ง และได้นำข้อมูลเหล่านั้นมาสร้างเป็น
Life Connect ซึ่งเป็นที่มาของความร่วมมือในครั้งนี้ และพร้อมจะสร้างสรรค์โซลูชันใหม่ๆ ให้กับลูกค้าอยู่เสมอเพื่อย้ำถึงวิสัยทัศน์แห่งผู้นำ
“ปัจจุบันลูกค้าที่เข้ามาใช้บริการต่างมีความต้องการเกี่ยวกับ Total interior solutions ครอบคลุมทั้งเรื่องเฟอร์นิเจอร์บิลท์อิน งานออกแบบตกแต่ง และงานระบบต่างๆภายในบ้าน ซึ่งในตลาดปัจจุบันยังไม่มีใครสามารถให้บริการในแบบครบทั้งระบบ
จึงเป็นที่มาของความร่วมมือในครั้งนี้ เพื่อเติมเต็มช่องว่างในตลาดด้วย “สมาร์ทโฮม อีโคซิสเต็ม” แบบครบวงจรที่สุดของไทย ซึ่งจะช่วยลดความซับซ้อนและเพิ่มความสะดวกให้แก่ลูกค้าทำให้คนไทยเข้าถึงการมีSmart Home ได้ง่ายยิ่งขึ้น
ด้วยการสั่งงานบนแอปพลิเคชันเดียว” นายพิเดช กล่าว
เจนนิเฟอร์ ซอง ประธาน บริษัท ไทยซัมซุง อิเลคโทรนิคส์จำกัด กล่าวว่า “ทุกวันนี้ผู้คนอาศัยอยู่ในโลกที่ซับซ้อนและเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว ซัมซุงมีแนวทางการดำเนินงานในการจุดประกายแรงบันดาลใจและสร้างวิถีแห่งอนาคตด้วยความคิดสร้างสรรค์และเทคโนโลยีที่จะสร้างความเปลี่ยนแปลงให้เกิดขึ้น ความร่วมมือครั้งนี้เป็นการตอบรับวิสัยทัศน์ของซัมซุงที่ว่า“Bring Calm to Our Connected World” โดยภารกิจของซัมซุง คือการนำความสงบมาสู่โลกที่เชื่อมต่อผ่าน
ศูนย์กลางการควบคุมอุปกรณ์และเครื่องใช้ไฟฟ้านั่นก็คือ SmartThings แพล็ตฟอร์มที่จะช่วยบริหารจัดการชีวิตท่ามกลางอุปกรณ์เครื่องใช้ไฟฟ้ามากมายภายในบ้านในชีวิตประจำวัน ให้ง่ายขึ้น สะดวกสบายขึ้น เปลี่ยนบ้านธรรมดาให้เป็น
บ้านสมาร์ทโฮมที่สอดคล้องกับไลฟ์สไตล์ที่หลากหลายในปัจจุบัน ซัมซุงเชื่อว่าการทำงานอย่างใกล้ชิดกับพันธมิตร
ในอุตสาหกรรมที่หลากหลายจะช่วยผลักดันSmartThings Ecosystem ให้เกิดขึ้นอย่างเป็นรูปธรรมและมีความแข็งแกร่ง
มากขึ้น โดยโครงการนี้จะมอบประสบการณ์ไลฟ์สไตล์ที่สมาร์ท ง่าย และสะดวกสบายให้กับผู้บริโภคชาวไทยได้อย่างแท้จริง”
SmartThings คือระบบบ้านอัจฉริยะระดับท็อปของโลกที่เป็นศูนย์กลางการเชื่อมต่อตรวจสอบ และควบคุมอุปกรณ์เครื่องใช้ไฟฟ้าอย่างง่ายดายและราบรื่นเพียงปลายนิ้วสัมผัส สามารถเชื่อมต่อกับอุปกรณ์ IoT สูงสุด200 ชนิด ปัจจุบันSmartThings ได้เชื่อมต่อกับเครื่องใช้ไฟฟ้าและอุปกรณ์ไฟฟ้าอีกมากมายกว่า 5,000 ชนิด จาก300 แบรนด์
สามารถตรวจสอบและควบคุมอุปกรณ์อัจฉริยะทั้งหมดในที่เดียวด้วย SmartThings บนสมาร์ทโฟน, แท็บเล็ต, สมาร์ตวอทช์, ทีวี และตู้เย็น โดยโหลดได้ทั้ง Android และ IOS ทำให้บ้านมีความทันสมัย ฉลาด สะดวก รวมถึงช่วยควบคุมการใช้พลังงานอย่างเห็นผลด้วย AI Energy Mode ที่ช่วยประหยัดค่าไฟสูงสุด 70% ทำให้เป็นเบอร์หนึ่งในการช่วยลดค่าไฟในแต่ละเดือน
โดย SmartThings เป็นแพล็ตฟอร์มที่คนนิยมใช้ทั่วโลกการันตีด้วยยอดดาวน์โหลดแล้ว 288 ล้านครั้งทั่วโลกและมีผู้ใช้มากกว่า 2.4 ล้านคน ทั่วประเทศไทย
ปรเมศร์ เหรียญเจริญสุข ประธาน บมจ.คอปเปอร์ ไวร์ดเผยว่า “ในฐานะผู้นำธุรกิจค้าปลีกและค้าส่งสินค้าดิจิทัล
ไลฟ์สไตล์ คอปเปอร์ไวร์ดมุ่งมั่นที่จะสร้างประสบการณ์ที่ดี พร้อมตอบสนองลูกค้าทุกเพศทุกวัยให้มีไลฟ์สไตล์ที่ดียิ่งขึ้น
ด้วยผลิตภัณฑ์ที่ครอบคลุมหลายหมวดหมู่มากกว่า2,000 รายการ จาก 200 แบรนด์ ตั้งแต่เซ็นเซอร์อัจฉริยะไปจนถึงระบบรักษาความปลอดภัย เพื่อตอกย้ำความเป็นผู้นำทางด้าน Smart Home และมอบความยืดหยุ่นในการปรับแต่งโซลูชันบ้านอัจฉริยะตามความต้องการของผู้บริโภค ซึ่งการร่วมมือในครั้งนี้ถือเป็นการยกระดับการใช้ชีวิตสะดวกสบายยิ่งขึ้น ด้วยอุปกรณ์ IoT หลากหลายแบรนด์ชั้นนำจากคอปเปอร์ไวร์ด อาทิ Aqara, Switchbot ,Nanoleaf เพื่อส่งมอบโซลูชันสำหรับที่อยู่อาศัยที่ทันสมัย ตอบโจทย์ทุกไลฟ์สไตล์การใช้ชีวิตแบบยุคใหม่”
จาร์กันนาธาน ศรีนิวาสาน กรรมการผู้จัดการ บริษัท ซิกนิฟาย คอมเมอร์เชียล ประเทศไทย จำกัด กล่าวว่า
“เป็นเวลากว่า 71 ปีในประเทศไทยที่ฟิลิปส์ส่งมอบนวัตกรรม และแสงสว่างที่มีคุณภาพ เชื่อถือได้ให้กับคนไทยตลอดมา
จากการเป็นแบรนด์หลอดไฟและโคมไฟ LED อันดับ 1ในใจผู้บริโภคคนไทยกว่า 23 ปีซ้อน ปัจจุบัน IoT มีบทบาท
ในการอำนวยความสะดวกให้ชีวิตผู้คน ฟิลิปส์ในฐานะผู้นำด้านแสงสว่างระดับโลก มีนวัตกรรมระบบไฟไอโอทีอัจฉริยะเพื่อบ้านชั้นนำระดับท็อปของโลกอย่าง Philips Hue (ฟิลิปส์ ฮิว) ซึ่งช่วยยกระดับแสงไฟในบ้านเพื่อตอบทุกไลฟ์สไตล์
พร้อมประหยัดพลังงาน ความร่วมมือในครั้งนี้ เราต้องการมอบความสุขและความสบายให้กับคนไทยที่ให้ความเชื่อมั่นแบรนด์มาอย่างยาวนาน และสอดคล้องกับวิสัยทัศน์ของบริษัทซิกนิฟาย ผู้บริหารแบรนด์ Philips lighting ที่ว่า
“Brighter lives, Better world” เพื่อชีวิตที่สดใสของผู้คนและเพื่อโลกที่น่าอยู่กว่าเดิม ซึ่ง ฟิลิปส์ ฮิว นั้นถือเป็นหนึ่งในพันธมิตรกับแพล็ตฟอร์ม SmartThings ในระดับโลกอยู่แล้ว เราจึงยิ่งรู้สึกยินดีที่ได้เป็นหนึ่งในพันธมิตรรายสำคัญในอีโคซิสเต็มนี้ที่ร่วมกันขับเคลื่อน Smart Home ในประเทศไทย โดยฟิลิปส์ ฮิวจะช่วยให้คนไทยได้เปิดประสบการณ์การใช้ Smart IoT Lighting ที่มีคุณภาพสูง ใช้งานง่าย สะดวกสบาย เพิ่มความปลอดภัยให้บ้าน รองรับกับพันธมิตร IoT มากมายระดับโลก และมีระบบ Cloud server ที่เสถียรระดับโลก รวมถึงช่วยโลกลดการใช้พลังงาน โดยนอกจากบ้านที่สวยมีสไตล์และสมาร์ทแล้ว
ฟิลิปส์ ฮิว ยังเข้ามาเติมเต็มในส่วนของ “อารมณ์” และ”ความสนุกสนาน” ที่บ้านอีกด้วย ผ่านการตั้งค่าแสงแบบซีนต่างๆ
ทั้งแบบสำเร็จรูปและเลือกตั้งค่าเอง อีกทั้งผู้บริโภคสามารถพบกับประสบการณ์ความบันเทิงเหนือระดับโดยสามารถ
Sync แสงไฟกับหนัง, เกมConsole & PC และเสียงเพลงเช่น Spotify เป็นต้น ยิ่งช่วยสร้างประสบการณ์แสงแบบDynamic ให้กับเจ้าของบ้าน และเพื่อนที่มาบ้านต้องWow ไปด้วยกัน”
Smart Home Flagship Store แบ่งออกเป็น 3 โซน
Zone 1: Pantry room
สร้างโมเมนต์ธรรมดาให้เป็นโมเมนต์ที่ไม่มีวันลืมด้วยมื้ออาหารสุดพิเศษ ตั้งแต่ขั้นตอนเตรียมวัตถุดิบที่สามารถจัดเตรียมได้ก่อนถึงบ้าน หรือจะสร้างบรรยากาศของการทำอาหารให้สนุกสุดเหวี่ยง อีกทั้งเรื่องซักผ้าไม่ต้องกลายเป็นเรื่องไกลถึงหลังบ้านอีกต่อไป ควบคุมการซักผ้าที่ทั้งประหยัดและสะดวกสบาย ปล่อยให้เรื่องซักผ้าเป็นเรื่องของคุณผู้ชายได้เลย
Zone 2: Bedroom
เปลี่ยนห้องนอนให้เป็นพื้นที่ส่วนตัวสุดล้ำ ไม่ว่าจะพักผ่อนหรือทำกิจกรรมความบันเทิงต่างๆ สร้าง Ambient ให้ห้องดูชิคด้วยซีนไฟหลากหลายแบบ สร้างโรงหนังส่วนตัวด้วยเทคโนโลยีล้ำสมัยพร้อมเพลิดเพลินกับสื่อความบันเทิงที่สะดวกสบายที่สุด ยกระดับความบันเทิงที่บ้านสู่บทใหม่ด้วยการ Sync แสงไฟไปกับหนัง เกม หรือเสียงเพลง เพิ่มอรรถรสอย่างที่ไม่เคยมีมา
อีกทั้งช่วยให้เข้านอนได้อย่างไร้กังวลเพียงปลายนิ้วสัมผัส
Zone 3: Living room
สร้างมุมพักผ่อนในห้องนั่งเล่นให้เป็นพื้นที่สุดชิล ที่เจ้าของและสัตว์เลี้ยงสามารถพักผ่อนได้อย่างสบายใจด้วยระบบอัตโนมัติภายในห้องที่จะช่วยควบคุมทุกอย่างภายในห้องได้อย่างง่ายดาย ทำให้การพักผ่อนไม่ใช่เรื่องยุ่งยากอีกต่อไป
ผู้สนใจอยากสัมผัสประสบการณ์สมาร์ทโฮมเต็มรูปแบบสามารถเยี่ยมชมได้ที่ เอสบี ดีไซน์สแควร์ สาขา คริสตัลดีไซน์ เซ็นเตอร์ (CDC) ตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป
#LifeConnectedwithSmartThingsEcosystem
#เชื่อมต่อเพื่อชีวิตที่สมาร์ท
#SmartHomeDesignSolutions
#ดีไซน์โซลูชันส์เพื่อชีวิตที่สมาร์ท